เชื่อว่าหลายๆคนที่เรียนจบแล้วหรือกำลังเรียนอยู่ บางคนก็อยากจะมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่แตกต่างกันไป เช่น บางคนอยากมาเพราะชอบญี่ปุ่นจากการดูอนิเมะชั่น การ์ตูนญี่ปุ่น บางคนชอบดารานักร้อง บางคนชอบสถานที่ท่องเที่ยววัฒนธรรม บางคนชอบภาษา เป็นต้น
สำหรับผมแล้ว การมาเรียนและทำงานที่ญี่ปุ่นนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรตามข้างต้นเลย เนื่องจากไม่ค่อยสนใจอะไรเกี่ยวกับประเทศนี้มาก่อน เพียงแค่ตอนทำงานได้ทุนไปดูงานที่ญี่ปุ่นและหลังจากนั้นจึงได้มีโอกาสติดต่อกับคนญี่ปุ่นและเกิดความคิดที่จะไปเรียนที่ญี่ปุ่น
การมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่นสำหรับผมแล้ว สิ่งแรกที่กังวลคือเรื่องค่าใช้จ่าย เนื่องจากฐานะการเงินของที่บ้าน ดังนั้นจึงต้องทำงานเก็บเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเอง แต่โชคดีที่ว่าพอดีมีเงินก้อนที่ได้จากการทำงานและการยืมญาติพี่น้องมาเติมในบัญชีเพื่อให้ตรงกับคุณสมบัติในการสมัคร ทางโรงเรียนเลยให้ผ่านและสามารถมาเรียนที่นี่่ได้ ก็เลยขอแบ่งปันประสบการณ์เล็กๆอันนี้ให้กับทุกคนได้อ่านกัน
➽ เริ่มแรกวางแผนการเรียนต่อไว้ก่อน จำเป็นต้องวางแผนไว้เล็กน้อยว่าเราจะมาเรียนอะไร เรียนภาษาอย่างเดียวหรือจะเรียนต่อระดับปริญาตรีหรือโท หรือเรียนด้านวิชาชีพ ซึ่งผมวางแผนไว้ว่าจะมาเรียนภาษาอย่างเดียวแล้วกลับเมืองไทย แต่หลังจากที่ได้มาแล้วจึงเปลี่ยนแผนไปเรียนต่อระดับปริญญาโทแทน
➽ ต่อก็เริ่มหาข้อมูลโรงเรียนและจังหวัดที่ต้องการไปเรียน ซึ่งส่วนมากข้อมูลโรงเรียนสอนภาษาที่อยู่ในเว็บศูนย์แนะนำการศึกษาต่อของไทยจะเป็นโรงเรียนที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆหรือเขตที่เป็นที่นิยมของคนไทย หรือเป็นโรงเรียนที่มีสัญญากับทางศูนย์ซะเป็นส่วนมาก ค่าใช้จ่ายทางการศึกษาจึงมีราคาที่สูงกว่าที่อื่น สำหรับผมตอนที่มาเรียนได้เลือกมาเรียนจังหวัดเล็กๆแห่งหนึ่งทางในเขตShikoku ค่าใช้จ่ายค่าเทอมต่างๆจึงถูกกว่าที่อื่นมาก ดังนั้นถ้ามีงบประมาณจำกัด ทางเลือกหนึ่งคือเลือกโรงเรียนสอนภาษาตามต่างจังหวัดหรือแถบชานเมืองใหญ่ๆ แทนซึ่งค่าเทอมจะถูกลงมาหน่อย แต่แน่นอนก็ต้องแลกมาด้วย สภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างเงียบเหงากว่าตามเมืองใหญ่และโดยเฉพาะค่าแรงในการทำงานพิเศษก็จะถูกว่าตามเมืองใหญ่ด้วยเช่นกัน
➽ หลังจากนั้นก็เริ่มติดต่อกับทางโรงเรียนเพื่อขอข้อมูล ตัดสินใจสมัครเข้าเรียน ขอใบ COEเพื่อขอวีซ่านักเรียน สำหรับขั้นตอนการสมัครติดต่อกับทางโรงเรียนส่วนมากจะเหมือนกัน ผมจะแปะลิงค์ของJASSO(องค์กรสนับสนุนนักศึกษาแห่งประเทศญี่ปุ่น)ไว้นะครับ มีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นครบถ้วน Link เอกสาร
➽ เพิ่มเติมอีกนิดนึงนะครับ หลักการเลือกสถาบันหรือโรงเรียนสอนภาษานั้น มันจะเชื่อมโยงต่อไปยังการเรียนต่อในระดับต่างๆได้อีกด้วย ถ้าเราเลือกโรงเรียนสอนภาษาทั่วไป ส่วนมากเมื่อเรียนจบและต้องการไปเรียนต่อที่อื่นนั้น เราต้องสมัครสอบเข้า ซึ่งถ้าเป็นมหาวิทยาลัยระดับปริญาตรี เราก็ต้องสอบ EJU และต้องมี JLPT(N2,N1)และเงี่ยนไขอื่นๆตามแต่ละแห่งไป แต่ถ้าเราเลือกเรียนที่สถาบันสอนภาษา(日本語 別科)ของวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยนั้น ส่วนมากถ้าเราเรียนภาษาจบแล้วและต้องการเรียนต่อในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยนั้น แต่ละที่จะมีระบบการเข้าศึกษาต่อโดยการเสนอชื่อ(Recommendation Admission) คือว่ามันจะมีการผ่อนปรนเงื่อนไขการสอบเข้าบางอย่างทำให้เราเข้าไปเรียนได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นต้องวางแผนการเรียนการศึกษาในอนาคตไว้ด้วย
เคล็ดการประหยัดค่าใช้จ่าย💴
- หาสถาบันหรือโรงเรียนที่มีค่าใช้จ่ายถูก 📌บางโรงเรียนค่าเรียนภาษา1ปี(รวมทั้งหมด ไม่รวมค่าที่พัก) เสียไม่ถึงสองแสนบาท สามารถค้นหาได้ ตามลิงค์ที่ให้ไว้ข้างล่าง2ลิงค์ โดยเฉพาะของ NISSHINKYO สามารถค้นหาโดยใส่เงื่อนไขได้ เช่น เขตจังหวัด ระยะเวลาในการเรียน และค่าเทอมเป็นต้น
- ที่พัก ใช้บริการหอพักนักเรียนของทางโรงเรียน 📌ถ้าต้องการประหยัดอีกให้แชร์กับรูมเมท บางทีแชร์กันถึง 4 คน จะช่วยลดค่าที่พักได้มากเลย ผมเคยแชร์กับเพื่อนคนจีนช่วยลดไปได้มากเลย แต่ต้องแลกกับความแตกกันด้านวัฒนธรรม😡
- ทำงานระหว่างเรียนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย 📌โดยส่วนตัวค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเรียนหลังจากที่เรียนภาษาจบ และเข้าเรียนต่อระดับปริญญาโทนั้น หาเองทั้งหมดจากการทำงานพิเศษ ถ้าต้องการประหยัดค่าอาหาร ควรทำงานพิเศษที่ร้านอาหารซึ่งส่วนมากจะมีบริการอาหารให้ฟรี
- หาทุนการศึกษาท้องถิ่นหรือทุนต่างๆที่ให้ฟรีแก่ชาวต่างชาติ 📌ผลการเรียนจำเป็นต้องดีหรือเป็นประเทศที่ทางผู้ออกทุนกำหนดไว้ ติดต่อทางโรงเรียนหรือครูที่ปรึกษาสำหรับข้อมูลทุนการศึกษา
ค่าใช้จ่ายที่ต้องคำนวณในการมาอยู่ญี่ปุ่น
1. ค่าเทอม
2. ค่าหอพักหรือห้องเช่า(การเช่าห้อง ระบบญี่ปุ่นต้องการคนค้ำประกันซึ่งจะยุ่งยากสำหรับนักเรียนต่างชาติมากเพราะฉะนั้นเริ่มแรกใช้หอพักของโรงเรียนจะสะดวกที่สุด)
3. ค่าอาหาร(ทำเองถูกที่สุดแต่บางทีซื้อในช่วงเวลาที่ลดครึ่งราคาก็จะประหยัดไปได้มาก โดยส่วนมากประมาณหลังสองทุ่มเป็นต้นไปข้าวกล่องหรือมุมขายกับข้าวในซุปเปอร์มาเก็ตจะลดครึ่งราคา)
4. ค่าน้ำค่าไฟ(สำหรับหอพักบางทีอาจรวมเข้ากับค่าหอพักเลย)
5. ค่าอินเตอร์เน็ต(ตรวจสอบกับหอพักถ้าหอพักนั้นมีบริการ Wifi ก็ไม่ต้องเสีย)
6. ค่าโทรศัพท์(เลือก激安SIM ถูกกว่าSIMปกติ)
7. ค่าเดินทาง(จากที่พักไปโรงเรียน) ถ้าอยู่ใกล้ก็ใช้จักรยานเป็นการประหยัด ถ้าจำเป็นต้องใช้รถไฟ ให้ซื้อตั๋วรายเดือนแสดงบัตรนักเรียนมีส่วนลด
8. ค่าประกันสุขภาพประจำปี(ตรวจสอบกับที่ทำการเมืองที่อยู่ บางที่มีส่วนลดให้กับนักเรียนต่างชาติ)
สำหรับการมาเรียนต่อญี่ปุ่นแบบประหยัดเงินตามวิธีข้างต้นนี้ ผู้นำไปใช้จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ด้วยว่าสำหรับการมาใช้ชีวิตแบบนี้ ต้องเหนื่อยทั้งกายและใจ เพราะต้องทำงานไปด้วยขณะเรียน เพราะฉะนั้นกำลังกายและกำลังใจต้องแข็งแกร่งไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก งานที่ได้ทำบางครั้งเราอาจไม่เคยทำเลยที่เมืองไทย บางงานอาจไม่ชอบไม่ถนัด แต่ขอให้นึกถึงเป้าหมายของเราไว้เสมอ สุดท้ายเมื่อความยากลำบากมันก็จะผ่านพ้นไปและเมื่อเราหันกลับมามองย้อนหลังเราจะภูมิใจในสิ่งที่เราได้ทำ ⭐ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ⭐ สู้ๆ 頑張ってください!
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
- องค์การสนับสนุนนักศึกษาแห่งประเทศญี่ปุ่น (สำนักงานประเทศไทย) JASSO
- รายชื่อสถาบันหรือโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นทั่วประเทศญี่ปุ่นของหน่วยงานส่งเสริมการศึกษาภาษาญี่ปุ่น(NISSHINKYO) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักศึกษาต่างชาติที่เรียนภาษาญี่ปุ่น โดยภายในเว็บสามารถค้นหาสถาบันหรือโรงงเรียนภาษาได้โดยใช้เงื่อนไขเช่น ตำแหน่งที่ตั้ง ระยะเวลาการเรียน ค่าใช้จ่ายเป็นต้น
- โรงเรียนสอนภาษาที่ผู้เขียนเคยเรียนอยู่
1. Japanese course of Anabuki College
2. Japanese program of Josai University