👷ประสบการณ์การทำงานพิเศษที่ญี่ปุ่น EP.3

หลังจากจบคอร์สเรียนภาษาที่แผนก Bekka(別科日本語文化専修)แล้วได้เข้าเรียนป.โทที่นี่เลยผ่านระบบแนะนำ แต่ถึงยังไงก็ต้องติดต่ออาจารย์ที่ปรึกษาและก็ต้องสอบคัดเลือกด้วย แต่จะดีกว่าคนทั่วไปเพราะเรารู้จักอาจารย์และติดต่ออาจารย์ไว้ล่วงหน้าแล้ว

พอเข้าเรียนโทแล้วดูตารางเรียน แล้วจึงวางแผนหาไบโตะทำต่อ ปีนี้โชคดีเพื่อนคนจีนที่เรียนภาษาด้วยกันชวนไปแชร์ห้องเช่าในแมนชั่นในเมืองที่ใหญ่ขึ้น เลยต้องย้ายที่พักจากที่ใกล้มหาลัย ไปอีกเมืองนึงที่ใหญ่กว่าไกลมหาลัยหน่อย ค่าเช่าห้องก็ลดลง แถมอาศัยคอนเน็กชั่นของเพื่อนคนนี้แนะนำงานให้อีก คราวนี้ได้งานเป็นพนักงานเสิรฟ์เครื่องดื่ม(กดลิงค์ไปภาคพิเศษของงานนี้ 18+) รายได้ดีเวลาก็เป็นช่วงกลางคืนไม่รบกวนเวลาเรียน ตื่นเช้ามาถ้าไม่มีเรียนก็ไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดไม่ทำให้เสียการเรียน แต่แอบหลับทุกวันก่อนเริ่มได้เรียนจริงๆเพราะทำงานเลิกดึก ยังไงร่างกายมันก็รับไม่ไหว

ทำงานที่ร้านนี่ได้รู้จักคนญี่ปุ่นเยอะมาก เพื่อนร่วมงานรวมถึงTen chouก็ใจดี แถมยังมีการพาไปเที่ยวประจำปีพร้อมพนักงานประจำด้วย ร้านนี้มีหลายสาขา สาขาไหนคนขาดเราก็เข้าไปแทน เลยทำให้ได้รู้จึกสถานที่หลายๆแห่งภายในจังหวัดไปด้วย

เนื่องจากไบโตะที่ทำประจำเป็นช่วงกลางคืน เลยมีเวลาว่างช่วงกลางวันในวันเสาร์อาทิตย์ เลยใช้เวลาว่างนี้หางานไบโตะอย่างอื่นทำ วิธีหางานก็ง่ายมากเลย เดินไปดูป้ายประกาศที่หน้าร้านอาหารไทยแล้วบอกว่ามาสมัครงาน ซึ่งสัมภาษณ์เสร็จก็รับเลย ทำให้จากเดิมที่เคยทำแต่ในSaitama คราวนี้เป็นในโตเกียวบ้าง ที่เลือกร้านอาหารไทยเพราะไม่เคยทำงานกับคนไทยมาก่อนแถมตั้งมาญี่ปุ่นยังไม่เคยเจอคนไทยเลย เลยอยากใช้เวลานี้สร้างคอนเน็กชั่นกับไทยไปด้วย และก็เพราะได้รู้จักคนไทยที่นี่เลยได้รู้ว่า จึงได้งานประจำงานแรกหลังเรียนจบจากข้อมูลที่คนรู้จักที่นี่บอกให้ไปสมัคร

ทำงานที่ร้านอาหารไทยก็เป็นพนักงานรับออเดอร์ รายได้ค่อนข้างดีเพราะTen chou เค้าให้เพิ่มค่าภาษาที่เราดีกว่าคนอื่น ทำงานที่นี่ดีอย่างนึงคือ ได้กินอาหารไทย อยากกินอะไรก็บอกแม่ครัวพ่อครัวได้ คนไทยใจดีครับ💓 ทำงานก็สนุกดี บางครั้งคนในร้านก็แอบTenchouเอาของมาทำกินกันเอง 😲

พอใกล้ๆจบโท เริ่มมีเวลาว่างมากขึ้นอีกเลยหางานไบโตะเพิ่มคราวนี้เริ่มหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์แทน ได้งานเป็นครูสอนภาษาไทยให้กับอาสาสมัครJicaที่จะไปทำงานที่เมืองไทย งานนี้ทำแค่สองเดือนแต่ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ(ณ ตอนนั้น)

ทำอย่างนี้อยู่เกือบสองปีจนเรียนจบป.โท ชีวิตในช่วงนี้ค่อนข้างเหนื่อย ทั้งทำงานทั้งเรียน แถมตอนใกล้จบยังต้องหางานทำให้ได้อีก แต่ก็เป็นช่วงที่สนุกท้าทายช่วงหนึ่งทั้งลำบากทั้งเหนื่อยทั้งเครียดและเป็นช่วงสุดท้ายสำหรับชีวิตนักศึกษา และเป็นการจบซีรี่ย์เรื่องการทำงานพิเศษไปในตัว ต่อไปจะเป็นการเริ่มต้นชีวิต Salary man ญี่ปุ่นเต็มตัว

ประสบการณ์เล็กๆน้อยๆที่จากการทำงานพิเศษ

🍺 ภาษาที่ดีย่อมได้งานที่ดี
🍺 คนญี่ปุ่นมีทั้งดีและไม่ดี อยู่ที่เราจะเลือกคบเลือกทำงานด้วย
🍺 เพื่อนย่อมไม่ทิ้งเพื่อน ไม่ว่าชนชาติอะไร
🍺 การได้ฝึกภาษาในสถานการณ์จริง จะช่วยทำให้เราเก่งขึ้น
🍺 โอกาสไม่ได้ลอยมาหาเอง ต้องหาและสร้างเอง
🍺 คอนเน็กชั่นที่ดีย่อมได้เปรียบในการหางาน การใช้ชีวิต

แชร์บทความ
Blogger เรียนจบและทำงานด้าน IT ที่ญี่ปุ่น งานอดิเรกและสิ่งที่สนใจคือ เรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยี วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ การศึกษาของญี่ปุ่นและมรรควิถึจิตจักรวาล อยากจะแบ่งปันประสบการณ์การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นให้กับทุกคน

Leave a Reply

หลังจากที่ได้ทำงานไบโตะช่วงปิดเทอมระหว่างเรียนภาษาที่แผนกภาษาของมหาวิทยาลัย Josai แล้วใน EP.1 พอเริ่มเปิดเทอมก็มีเวลาว่างช่วงเย็นหลังจากที่เรียนเสร็จ จึงเริ่มหาข้อมูลงานไบโตะอีก คราวนี้พอมีความรู้มากขึ้นมาหน่อยเพราะเริ่มหาจากเพื่อนร่วมห้องก็คนจีนบ้างคนเนปาลบ้าง ก็เลยลองหางานแถวเมืองที่อยู่ เป็นพนักงานล้างจานในร้าน Stek teppan yaki รายได้ต่อชม.(ประมาณ 800 เยน)ก็พอรับได้แถมยังใกล้ที่พักอีก

ก็ยังเป็นงานที่ใช้แรงงานอีก ภาษาก็ยังไม่ค่อยได้ใช้ เริ่มทำงานก็มาที่ร้านตามเวลาที่ทาง Tencho แจ้งไว้ เปลี่ยนชุดแล้วก็เข้าไปในครัว เริ่มล้างจานแต่จานแต่ไม่ใช่จานธรรมดานะครับมันคือจานเหล็กที่ไว้ใส่เนื้อย่าง ซึ่งค่อนข้างหนักและก็ล้างยากอีกด้วย ช่วงที่ต้องล้างเยอะคือช่วงเวลาเที่ยงถึงบ่ายสามถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์ แต่ถ้าวันธรรมดาก็ช่วงสองทุ่มถึงสามทุ่ม

ถ้าจำไม่ผิดทำอาทิตย์ล่ะ 3-4 วัน ต้องยืนล้างตลอด ล้างเสร็จก็จะเอาเครื่องอบให้แห้ง ตอนแรกก็ไม่ชินพอทำๆไปก็ชินเอง วันเสาร์อาทิตย์จะทำได้ชั่วโมงเยอะหน่อย ที่นี่มีข้าวให้กินซึ่งส่วนมากจะเป็นสเต็ก ผมกินมังสวิรัติเลยสั่งได้แต่ อาหารจำพวกผักสลัด ทำงานอยู่ที่นี่ได้มีโอกาสรู้จักเพื่อนคนญี่ปุ่นที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันและก็ทำไบโตะอยู่ร้านนี้เลยได้เป็นเพื่อนกัน แม่ของเพื่อนคนนี้ทำงานอยู่ที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย เวลาผมไปซื้ออาหารแม่ของเค้าจะพยายามพูดทักทายและตักอาหารผมเยอะเป็นพิเศษหน่อย

งานต่อไปที่หาได้ ทำในช่วงปิดเทอมอีกภาคนึงก็คือ งานจำพวกแพ็คขของเป็นเซ็ตๆของชุดส่งเสริมการขายของเครื่องสำอาง งานนี้ดีรายได้จะดีกว่างานล้างจานหน่อย เพียงแต่ว่าทำได้แค่ตอนช่วงปิดเทอมเท่านั้นเพราะต้องทำตอนกลางวัน เวลาไปทำงานที่โรงงานก็จะมีรถมารับไปรับกลับ

ประสบการณ์เล็กๆน้อยๆที่จากการทำงานพิเศษ

🧫 ความสามารถทางด้านภาษาก็ยังสำคัญเหมือนเดิม ยิ่งเก่งมากขึ้นเท่าไหร่ก็หางานได้มากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะการหางานตามโบรชัวร์ป้ายประกาศรวมถึงนิตยสารประกาศหางานที่แจกฟรี เพราะต้องเขียนใบสมัคร บางทีก็ต้องโทรไปถามก่อนว่าเค้าจะรับคนต่างชาติเข้าทำงานหรือเปล่า ตอนแรกเนื่องจากภาษาผมไม่แข็งแรง แต่ใจก็อยากได้งาน เลยต้องลองโทรศัพท์ไปถามก่อน ก็คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง คำศัพท์บางคำไม่เคยรู้มาก่อน สรุปเลยไม่ได้งาน แต่ไม่เป็นไรงานที่ประกาศไว้ยังมีเยอะ เลยโทรไปหลายๆที่ ก็มักจะเจอคำถามที่ใช้คำศัพทืเดียวกัน เลยเริ่มคุ้นเคยกับรูปแบบการใช้ภาษาทางโทรศัพท์และได้งาน ซึ่งการโทรศัพท์ไปถามก็เป็นการฝึกภาษาญี่ปุ่นอีกทางนึงด้วย

🧫 ได้ทำงานร่วมกับคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน รวมถึงได้ทำงานกับเด็กม.ปลายด้วย เลยทำให้ได้รู้ว่าครอบครัวญี่ปุ่นบางครอบครัวก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เป็นเด็กม.ปลายแต่ก็ยังต้องทำงานหาเงินช่วยครอบครัว แต่ถ้าเป็นนักศึกษามหาลัยที่มาทำไบโตะแล้ว จะเก็บเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวหรือไม่ก็เก็บไว้ไปเที่ยวตอนปิดเทอมซะเป็นส่วนมาก

🧫 ได้ฝึกความอดทน ฝึกนิ้วได้ดีมากเพราะต้องจับจานเหล็กเวลาล้าง ฝึกขาให้อดทนยืนได้นานๆ ปกติอยู่เมืองไทยไม่เคยยืนทำงานตลอดต่อเนื่อง 3-4 ชม. ซึ่งต่อไปจะเป็นประโยชน์มากเพราะต้องยืนทำงานตลอด 8 ชม.

🧫 Tenchou ผู้จัดการร้านใจดี ให้โอกาสคนต่างชาติ

แชร์บทความ
Blogger เรียนจบและทำงานด้าน IT ที่ญี่ปุ่น งานอดิเรกและสิ่งที่สนใจคือ เรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยี วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ การศึกษาของญี่ปุ่นและมรรควิถึจิตจักรวาล อยากจะแบ่งปันประสบการณ์การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นให้กับทุกคน

Leave a Reply

การมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่นด้วยทุนตัวเองนั้น สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยคือการทำงานพิเศษ(アルバイトหรือเรียกสั้นว่าไบโตะ) จำได้ว่าตอนมาเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นปีแรก ผมพูดหรือสื่อสารกับคนญี่ปุ่นไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นจึงหมดสิทธิ์เรื่องทำงานพิเศษไปได้เลย จนถึงปีที่สองหลังจากที่ย้ายโรงเรียนสอนภาษาจากเขต Shikoku มาที่ Kantoแล้ว ถึงได้เริ่มคิดที่จะทำงานพิเศษ เหตุผลง่ายๆครับ คือเงินเก็บหมดแล้ว ต้องหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค่าเทอมข้างหน้า

เริ่มแรกเลยก็หาข้อมูลจากบอร์ดประกาศหางานของโรงเรียนก่อน ดูช่วงเวลาและสถานที่ ความต้องการด้านภาษาที่เจ้าของงานต้องการ แล้วจึงติดต่อสมัครไป พูดคุยสัมภาษณ์เสร็จก็ได้ทำงาน งานแรกที่ได้ทำเลยก็คือล้างไข่ไก่ในฟาร์มไก่🐔🥚 รายได้ต่อชม.ก็ไม่มากเท่าไหร่(สมัยนั้นประมาณ เกือบ700เยน) เพราะไม่ได้ใช้ความสามารถอะไรใช้แต่แรงงานล้วนๆ

งานนี้จริงก็ไม่ได้ยากอะไร แค่ไปหยิบไข่ไก่จากกรงในฟาร์มมาแล้วก็ล้างให้สะอาด เพื่อนร่วมงานก็จะมีคุณป้าญี่ปุ่น แต่ปัญหาคือในฟาร์มมันใหญ่และเหม็นมาก คือขี้ไก่นะครับ และถ้าวันเจอแจ็กพอต เช่นไก่ตายอีกต้องหยิบไก่ไปทิ้ง ทีนี้แหล่ะอนาถสุดๆ😢 แต่เจ้าของฟาร์มใจดีมาก ตอนกลางวันก็ชวนทานกลางวันด้วยกัน เพียงแต่ว่าเกิด Culture Shockครับ ที่นี่เค้ากินไข่ดิบกับข้าวเปล่า อึ้งตะลึงไปพักใหญ่ผมก็ไม่กล้าปฏิเสธด้วย เลยจำเป็นต้องเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม

สรุปจบงานนี้ ผมไม่กินไข่ไก่ไปนานเลย และเกิดสำนึกแรงบันดาลใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนว่า ต้องฝึกภาษาให้ได้เก่งมากกว่านี้ จะได้หางานพิเศษที่มันดีๆหน่อย

ประสบการณ์เล็กๆน้อยๆที่จากการทำงานพิเศษที่ญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต

🐥 ได้รู้ว่าถ้าภาษาไม่พัฒนา ไม่สามารถหางานที่ดีๆได้
🐥 ได้รู้จักกับคำว่า 3Kเป็นครั้งแรก ซึ่งคำเหล่านี้มาจากคำว่า
きつい(kitsui)ยากลำบาก 危険(kiken)อันตราย 汚い(kitanai)สกปรก ซึ่งคำเหล่านี้ถูกใช้กับความหมายเกี่ยวกับงานที่คนญี่ปุ่นอยากทำ คืองานที่ยากลำบาก งานที่อันตราย งานที่สกปรก
🐥 ได้รู้จักชนชั้นแรงงานญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด ได้เห็นวิธีการทำงานของคนเหล่านี้
🐥 สุดท้ายตามที่บอกไว้ข้างบนคือ ได้แรงบันดาลใจ
 

แชร์บทความ
Blogger เรียนจบและทำงานด้าน IT ที่ญี่ปุ่น งานอดิเรกและสิ่งที่สนใจคือ เรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยี วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ การศึกษาของญี่ปุ่นและมรรควิถึจิตจักรวาล อยากจะแบ่งปันประสบการณ์การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นให้กับทุกคน

Leave a Reply

Back To Top